อาการหลักของ Oniomania (ลัทธิบริโภคนิยม) และวิธีการรักษาเป็นอย่างไร

เนื้อหา
Oniomania หรือที่เรียกว่าลัทธิบริโภคนิยม (compulsive consumerism) เป็นความผิดปกติทางจิตใจที่พบบ่อยมากซึ่งเผยให้เห็นข้อบกพร่องและปัญหาในความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ผู้ที่ซื้อของหลายอย่างซึ่งมักไม่จำเป็นอาจประสบปัญหาทางอารมณ์ที่รุนแรงขึ้นและควรแสวงหาการรักษาบางรูปแบบ
ปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อผู้หญิงมากกว่าผู้ชายและมีแนวโน้มที่จะอายุประมาณ 18 ปี หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดปัญหาทางการเงินและนำมาซึ่งความสูญเสียครั้งใหญ่ โดยปกติคนเหล่านี้จะออกไปซื้อของเมื่อรู้สึกโดดเดี่ยวหรือผิดหวังกับบางสิ่งบางอย่าง ความพึงพอใจที่ดีในการซื้อสิ่งใหม่จะหายไปในไม่ช้าและคุณต้องซื้ออย่างอื่นทำให้เป็นวงจรที่เลวร้าย
การรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการบริโภคนิยมคือจิตบำบัดซึ่งจะมองหาต้นตอของปัญหาจากนั้นบุคคลนั้นจะค่อยๆเลิกซื้อของตามแรงกระตุ้น

อาการของ Oniomania
อาการหลักของ oniomania คือการซื้อด้วยแรงกระตุ้นและในกรณีส่วนใหญ่สินค้าฟุ่มเฟือย นอกจากนี้อาการอื่น ๆ ที่อาจบ่งบอกถึงความผิดปกตินี้ ได้แก่
- ซื้อของซ้ำ;
- ซ่อนการซื้อจากครอบครัวและเพื่อน
- โกหกเกี่ยวกับการช็อปปิ้ง;
- ใช้เงินกู้จากธนาคารหรือครอบครัวในการซื้อสินค้า
- ขาดการควบคุมทางการเงิน
- ช้อปปิ้งโดยมีจุดประสงค์เพื่อจัดการกับความปวดร้าวความเศร้าและความกังวล
- รู้สึกผิดหลังจากซื้อของ แต่นั่นไม่ได้ทำให้คุณหยุดซื้ออีก
หลายคนที่เป็นผู้บริโภคที่ถูกบังคับจับจ่ายด้วยความพยายามที่จะมีความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีดังนั้นจึงควรพิจารณาว่าการช้อปปิ้งเป็นการเยียวยาความเศร้าและความหงุดหงิด ด้วยเหตุนี้ oniomania จึงมักไม่มีใครสังเกตเห็นได้เฉพาะเมื่อบุคคลนั้นมีปัญหาทางการเงินอย่างมาก
วิธีการรักษา
การรักษา oniomania ทำได้โดยการบำบัดซึ่งนักจิตวิทยาพยายามที่จะเข้าใจและทำให้บุคคลนั้นเข้าใจถึงเหตุผลที่เขากินมากเกินไป นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญยังแสวงหากลยุทธ์ในระหว่างการประชุมที่กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุคคล
การบำบัดแบบกลุ่มมักจะได้ผลและได้ผลลัพธ์ที่ดีเพราะในช่วงที่คนมีพลวัตที่มีความผิดปกติเหมือนกันสามารถเปิดเผยความไม่มั่นคงความวิตกกังวลและความรู้สึกที่การจับจ่ายสามารถนำมาซึ่งจะทำให้กระบวนการยอมรับความผิดปกติง่ายขึ้นและการแก้ปัญหา oniomania
ในบางสถานการณ์อาจแนะนำให้บุคคลนั้นปรึกษาจิตแพทย์ด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการระบุว่านอกจากการบริโภคนิยมแบบบังคับแล้วยังมีภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวลเป็นต้น ดังนั้นจิตแพทย์สามารถระบุการใช้ยาต้านอาการซึมเศร้าหรือยาปรับอารมณ์ได้